จีนคุมเข้มสื่ออินเทอร์เน็ต ควบคุมให้ประชาชนใช้ชื่อจริงในการใช้งาน!

จีนเขย่าโลกอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง และในคราวนี้ดูเหมือนจะมีความซีเรียสจริงจังกว่าครั้งก่อนๆ อ้างอิงจากกฎเกณฑ์ใหม่ ที่เผยแพร่โดยหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน ที่มีใจความโดยสังเขปว่า ใครก็ตามที่โพสต์ข้อความ โพสต์ข้อมูล หรือตอบคอมเม้นท์ใดๆ บนโลกออนไลน์ ต้องมีการลงทะเบียนเข้าใช้งานบริการออนไลน์เหล่านั้น ด้วยชื่อจริงเท่านั้น หรือจะใช้นามสมมุติก็ได้ แต่ก็ต้องมีการระบุชื่อจริงในระบบด้วย เพื่อให้สามารถระบุตัวตนของผู้โพสต์ข้อมูลได้อย่างชัดเจนในกรณีที่เกิดมีประเด็นปัญหาขึ้นมา
แต่ในมุมหนึ่ง กฎเกณฑ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะทางการจีนได้กำกับดูแลให้ประชาชน ได้ใช้ชื่อจริงในการลงทะเบียนเข้าใช้บริการต่างๆ บนโลกออนไลน์อยู่แล้ว และทางการจีนก็ขับเคลื่อนเกี่ยวกับประเด็นนี้ในหลายๆ ระดับเป็นเวลากว่า 3 ปีมาแล้ว แต่ความแตกต่างอย่างชัดเจนในตอนนี้คือ บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ประชาชนผู้ใช้งานบริการต่างๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต จะลงชื่อเข้าใช้งานด้วยชื่อจริงอย่างถูกต้องครบถ้วน และหากบริษัทผู้ให้บริการ ได้พบข้อมูล หรือความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องรายงานให้รัฐบาลทราบ
และถึงแม้ประเทศจีนจะมีความพยายามในการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชาชน ก็ยังพบว่ามีผู้คนจำนวนหนึ่ง พยายามหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงใน Weibo ซึ่งเป็นบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กของชาวจีนที่คล้ายๆ กับ Twitter และมีการหลบซ่อนตัวตนในบริการออนไลน์อื่นๆ ด้วย รวมถึงมีการใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยง Firewall ของทางการจีน ซึ่งสิ่งนี้เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อทางการจีนเริ่มคุมเข้มการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น การหลบเลี่ยงด้วย VPN ก็ทำได้ยากขึ้น และที่เพิ่งเป็นข่าวไปเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหา กับการที่ทาง Apple ถอดแอพ VPN ออกจาก iTune store ของประเทศจีน ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ทางการจีนนั้นจริงจังกับการควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ตขนาดไหน

It ปล่อยโปสเตอร์ใหม่! น่ากลัวจนเหมือนจะถูกกลืนวิญญาณ!

หลังจากส่งตัวอย่างภาพยนตร์ทุบสถิติขึ้นอันดับหนึ่งยอดวิวสูงสุดใน 24 ชม. มาแล้ว ฝีมือการกำกับของ อันเดรส มูเชตติ (Andrés Muschietti) ที่ได้รับการคาดหวังอย่างมากว่าน่าจะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดของปีนี้ ล่าสุดภาพยนตร์ It ก็ได้ปล่อยโปสเตอร์ตัวใหม่ที่น่าสะพรึงกลับมาให้คุณผวากันอีกครั้ง...

ต้องบอกว่าเป็นโปสเตอร์ที่น่าสนใจ และค่อนข้างแตกต่างจากโปสเตอร์หนังอื่นๆ ที่เราเคยเห็นมาก่อน โปสเตอร์ที่ว่าเป็นรูปตัวตลกสุดสยอง "เพนนี่ ไวซ์" กำลังอ้าปากที่ลักษณะเหมือนอุโมงค์ และดูเหมือนมันจะกลายเป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงที่พร้อมจะกลืนกินเด็ก โดยมีชื่อภาพยนตร์อยู่ตรงกลางหน้าผากของฆาตกรตัวตลก และเด็กชายซึ่งถือลูกโป่งสีแดงในมือกำลังมุ่งหน้าสู่ชะตากรรมน่ากลัว! เรียกความสยองได้แบบกรุบกริบทีเดียว

ภาพประกอบจาก http://wbpsites.com

ภาพยนตร์ It จากนวนิยายที่ขายดีที่สุดของ สตีเฟ่น คิง (Stephen King) ที่มีชื่อเดียวกัน ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อว่า "เดอร์รี่" กลุ่มเด็กๆ เจ็ดคนต้องเผชิญกับความกลัวที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอ เมื่อพวกเขาพยายามหาคำตอบการหายตัวไปของเด็กๆ ในบ้านเกิดของพวกเขา การเดินทางครั้งนี้จะพาพวกเขาไปพบกับปีศาจร้ายที่ชื่อว่า "เพนนี่ ไวซ์" (บิล ซาร์สการ์ด) ฆาตกรในตำนานที่มีประวัติโชกโชนมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ลืมทุกความทรงจำของหนังเขย่าขวัญความสยองครั้งใหม่กำลังกลับมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน! 7 กันยายนนี้ในโรงภาพยนตร์ 

วิดีโอประกอบจาก Youtube

ที่มา:movieweb.com

Google เปิดตัว ARCore ระบบพััฒนา Augmented reality ท้าชนกับ ARKit ของ Apple

ในขณะที่เทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนถูกคาดการณ์ว่าเริ่มถึงทางตันแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยากที่จะสร้างอะไรที่มันล้ำไปกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี Augmented Reality ได้กลายเป็นพระเอก กลับมาสร้างความเร้าใจใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟนอีกครั้ง 

 Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริง และ โลกเสมือนที่สร้างขึ้นมาผสานเข้าด้วยกันผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบบนโลกเสมือน (virtual world) เช่น ภาพกราฟฟิก วิดีโอ รูปทรงสามมิติ และข้อความ ตัวอักษร ให้ผนวกซ้อนทับกับภาพในโลกจริงที่ปรากฏบนกล้อง
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ความเป็นจริงเสริม

ในงาน WWDC 2017 ที่ผ่านมา Apple ได้นำเทคโนโลยี AR มาปัดฝุ่นทำใหม่ ให้มีความน่าสนใจได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมกับเปิดตัว ARKit ให้นักพัฒนาได้สร้างแอพฯ หรือเกมส์แบบ AR บน iOS ได้ แน่นอนว่าคู่แข่งอย่าง Android ก็ต้องมีการขยับตัวตามเช่นกัน

Google ได้ประกาศเปิดตัว ARCode เครื่องมือพัฒนา AR สำหรับระบบปฏิบัติการ Android โดยในตอนนี้รองรับการทำงานแค่บนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแค่ไม่กี่รุ่น ก็คือ Pixel และ Samsung Galaxy S8 สำหรับ SDK ในการพัฒนาพบว่าใช้เอ็นจิ้นอย่าง Java/OpenGL, Unity และ Unreal ในการทำงาน

เท่าที่ดูจากวีดีโอเดโม่ ถือว่าเจ๋งทีเดียวครับ น่าสนใจว่าผู้ใช้งานแอนดรอยด์จะได้สัมผัสกันเมื่อไหร่ หากมีข้อมูลใหม่ออกมาเมื่อไหร่ เราจะมาอัพเดทให้คุณผู้อ่านกันอย่างแน่อนครับ

YouTube เปลี่ยนโลโก้ พร้อมปรับโฉมใหม่ ดูสะอาดตามากกว่าเดิม

ในที่สุด YouTube ก็อัพเดทดีไซน์หน้าเว็บไซต์ใหม่อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้ทดสอบหน้าตาใหม่มาตั้งแต่ต้นปี พร้อมกับปรับเปลี่ยนหน้าตาของโลโก้ใหม่ในคราวเดียวกัน

 

สำหรับโฉมใหม่ของ YouTube จะมีการออกแบบให้ UI มีความโล่งและเรียบง่ายมากขึ้่น รวมถึงตัวเลือก Dark mode สำหรับเปลี่ยนโทนสีของหน้าเว็บให้เหมาะสมกับการรับชมในเวลากลางคืน

โลโก้ของ YouTube ได้มีการออกแบบใหม่เช่นกัน ซึ่งทาง Neil Mohan หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube ได้อธิบายว่า โลโก้แบบใหม่ออกแบบให้แสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนหน้าจอทุกขนาด และจะไปแทนที่ปุ่ม Play ในกรณีที่พื้นที่การแสดงผลไม่พอ

คุณผู้อ่านล่ะครับ ชอบหน้าตาของ YouTube แบบใหม่กันไหม?

ที่มา:variety.com , www.youtube.com

โอกาสทำเงินของแฮกเกอร์สายขาวมาแล้ว เมื่อ DJI เสนอเงินรางวัลเฉียดล้านให้คนที่พบช่องโหว่

DJI เสนอเงินรางวัลให้กับใครก็ตามที่พบบั๊กในระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานร่วมกับโดรน โดยแคมเปญนี้นำเสนอเงินรางวัล $100 - $30,000 (ประมาณ 3,300 - 996,600 บาท) ให้กับแฮกเกอร์สายขาว นักวิจัยทางด้านความปลอดภัย หรือใครก็ตามที่ค้นพบปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของซอฟต์แวร์, บั๊กที่กระทบกับความปลอดภัยทางการบิน และบั๊กที่กระทบกระเทือนความมีเสถียรภาพของแอพฯ ซึ่งการที่ DJI เปิดแคมเปญล่าบั๊กนี้ น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากข่าวที่มีบันทึกภายในของหน่วยงานทหารสหรัฐอเมริกาหลุดรอดออกมาว่า จะมีการหยุดใช้โดรนของ DJI เพราะว่ามีช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยข้อมูล

และทาง DJI จะเปิดเว็บไซต์สำหรับการรายงานช่องโหว่ภายในระยะเวลาเร็วๆ นี้ แต่ช่วงที่เว็บไซต์รายงานบั๊กยังไม่เปิดให้บริการนั้น แฮกเกอร์สายขาวหรือใครก็ตามที่พบบั๊ก สามารถส่งรายละเอียดไปได้ที่อีเมล์ bugbounty@dji.com และบั๊กที่ได้รับการพิสูจน์จากทีมงานแล้วว่าเป็นของจริง ถึงจะได้รับเงินรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน

Huawei MediaPad T3 10 แท็บเล็ตจอยักษ์ราคาประหยัด

มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับ Huawei MediaPad T3 10 แท็บเล็ตรุ่นใหม่จากทางหัวเว่ย ที่เตรียมจำหน่ายในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ โดยแท็บเล็ตรุ่นนี้ มีขนาดหน้าจอ 9.6 นิ้ว ราคา 8,900 บาท อยู่ในระดับมิดเรนจ์ ซึ่งความเด็ดก็คือ ชุด Entertainment Box Set มูลค่า 4,170 บาท ที่แถมมาด้วย เรียกว่าราคาของแถมก็แทบจะมีมูลค่าเกือบครึ่งของราคาแท็บเล็ตแล้ว

ซึ่งภายใน Entertainment Box Set ประกอบไปด้วย ชุดหูฟัง Huawei AKG H300 (1,290 บาท), ลำโพงบลูทูธ Huawei AM08 (1,290 บาท), แพกเกจดูหนังจาก iflix 3 เดือน (300 บาท) รวมทั้ง Flip case ที่อยู่ภายในกล่องแท็บเล็ต MediaPad T3 10 (1,290 บาท) ซึ่งจะเห็นว่า ของแถมแทบทั้งหมด จะเน้นไปทางด้านความบันเทิงสำหรับการดูหนัง ถ้าใครกำลังหาแท็บเล็ต ที่ราคาไม่สูงมาก ไว้สำหรับดูหนัง ชมความบันเทิงต่างๆ Huawei MediaPad T3 10 นี้ ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างตอบโจทย์เหมือนกันนะ ลองมาทำความรู้จักกับ  Huawei MediaPad T3 10 กันดูดีกว่า

Huawei MediaPad T3 10 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 9.6 นิ้ว พร้อมอัตราส่วน 16:10 ที่ค่อนข้างใหญ่และเหมาะกับการชมภาพยนตร์บนแท็บเล็ต แต่ก็ไม่ใหญ่จนเกินไปสำหรับการพกพา ความละเอียดของภาพที่ให้มา 1280 x 800 พิกเซล (157 ppi) อาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ถือว่าโอเคสำหรับแท็บเล็ตในระดับมิดเรนจ์ เพราะว่าภาพที่เห็นบนหน้าจอ IPS ก็ค่อนข้างสวย สีสันสดใสอยู่

วัสดุของตัวแท็บเล็ตทำมาจาก อลูมิเนียมอัลลอย งานประกอบแน่น ทนทาน โดยภายในงานทางหัวเว่ย ได้เคลมว่า แท็บเล็ตรุ่นนี้ ผ่านการทดสอบทั้ง แรงกระแทกจากความสูง 1 เมตร ทั้ง 6 ด้าน 4 มุม, ปุ่มพาวเวอร์ทนทานต่อการกดใช้งานมากกว่า 200,000 ครั้ง, พอร์ต Micro USB ทนทานต่อการเชื่อมต่อมากกว่า 10,000 ครั้ง รวมทั้งไซเคิลแบตเตอรี่ หลังจากที่เติมประจุกว่า 400 ครั้ง ก็ยังเก็บแบตคงเหลือได้มากกว่า 80% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับความทนทานของแท็บเล็ตระดับมิดเรนจ์ ที่น่าจะมีความถี่การใช้งานน้อยกว่าสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว

ด้านสเปคฮาร์ดแวร์ของ Huawei MediaPad T3 10 อาจจะไม่ค่อยโดดเด่นมาก แต่ก็มาพร้อมความครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับสัญญาณ Wi-Fi ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz รองรับเครือข่ายสัญญาณ LTE เหมือนสมาร์ทโฟน แรม 2 GB / รอม 16 GB ที่สามารถเพิ่มความจุด้วย Micro SD สูงสุด 128 GB

ส่วนซอฟต์แวร์ก็มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 ครอบด้วย EMUI 5.1 ที่มีฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดถนอมสายตา การแบ่งหน้าจอใช้งาน รวมทั้งอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ ยังมีแอพฯ Microsoft Office ติดเครื่องมาให้ใช้งานทันที ไม่ต้องโหลดเพิ่มเติมอีกด้วย

โดยรวมแล้ว Huawei MediaPad T3 10 เป็นแท็บเล็ตระดับมิดเรนจ์ที่เหมาะมากสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างการดูหนัง เล่นเว็บ เล่นโซเชียล แต่ที่คุ้มสุดๆ ก็คือของแถมที่ทางหัวเว่ยจัดให้ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงบลูทูธ, หูฟัง AKG, สมาชิก iflix และ Flip case ที่รวมมูลค่าก็เกือบครึ่งราคาของตัวเครื่อง

แผนการของ Apple เมื่อจุดจบของ iPhone กำลังใกล้เข้ามา

iPhone อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล ด้วยยอดจำหน่ายเกิน 1 พันล้านเครื่อง และทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แต่ถึงกระนั้น ณ ตอนนี้ Apple ก็ต้องเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะมีอุปกรณ์มาแทนที่สมาร์ทโฟนของตนเอง เหมือนอย่างที่ iPhone มาแทนที่ iPod หรือคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft, Google, Facebook และ Apple ต่างก็เริ่มลงทุนมหาศาลกับการวิจัย Reality technology หรือ Augmented Reality (AR) ซึ่งเทคโนโลยีที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนโดนผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆ

Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “AR ยังคงไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ในเร็วๆ นี้ เพราะในการพัฒนาระบบ AR ต้องใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน แต่มันเป็นไปได้แน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึงมันจะต้องยิ่งใหญ่ แล้วต่อๆ ไป มันจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยขาดจากมัน”

โปรเจ็คลับ

Apple ไม่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับแว่น แต่มีรายงานออกมาว่า ทางบริษัทกำลังให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์แว่นดิจิทัลอยู่ โดยเราจะพบว่า Apple ไม่เคยออกมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาในอนาคตเลย แต่อาจมีคำใบ้ 2 รูปแบบ คือ

การเข้าซื้อกิจการต่างๆ ซอฟต์แวร์ที่ปล่อยออกมา

ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว ARKit ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับ AR ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็คาดหวังว่า เมื่อแว่นตา Apple เปิดตัวออกมา ภายในจะเต็มไปด้วยแอพลิเคชันมากมาย ที่ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มีลูกเล่นใหม่ๆ ให้เราได้ใช้งานกัน

จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี AR ของ Apple มาจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทเยอรมันชื่อ “Metaio” ในปี 2015 โดยเทคโนโลยีของบริษัทนี้ก็จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับ ARKit

ต่อมา Apple ก็ยังคงซื้อกิจการบริษัทต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AR โดยเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว Apple ก็ได้เข้าซื้อ SensoMotoric Instruments ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันเช่นเดียวกับ Metaio ซึ่งได้สร้าง แว่นตาอัจฉริยะ (Smart Glasses) ที่มีความสามารถพิเศษคือ สามารถจับการเคลื่อนที่ของนัยน์ตา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญมากสำหรับจุดเริ่มต้นของ Augmented Reality

วิดีโอด้านล่างคือตัวอย่างการทดลองเทคโนโลยี ARKit กับหุ่น BB-8